บล.ทิสโก้ : SNNP คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท
ผลประกอบการ 2Q24 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY และ QoQ และทั้งปีคาดกำไรเพิ่มขึ้น 10%YoY
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากราคาหุ้นปัจจุบันปรับลดลงมามากเกินไปสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใสส่งผลต่อการบริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ตาม เราคาดแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง 2H24F จะดีขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรกจากช่วง high season การส่งออกในกลุ่ม snack และมีอัตรามาร์จิ้นที่มากกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม บริษัทร่วมทุนสิริโปรคาดจะถึงจุดคุ้มทุนในเดือน ธ.ค. 24 เราคาดกำไรสุทธิยังเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 12% (CAGR3y) และราคาเป้าหมายยังมี upside จากราคาปัจจุบัน บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.25 บาท (XD 22 ส.ค.24)
กำไรสุทธิ 2Q24 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้ง YoY และ QoQ
SNNP ประกาศกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 162 ล้านบาท (+4%YoY, +3%QoQ) จากรายได้รวมเพิ่มขึ้นได้ 2%YoY และ 5% QoQ โดยรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเจเล่เพิ่มขึ้นเป็นหลักจากช่วงฤดูร้อน โดยยอดขายแบรนด์เจเล่ยอดขายยังเป็นอันดับ 1 และคาดกลุ่ม snack ลดลง สำหรับเดือนเมษายนยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมีวันหยุดช่วงเทศกาล 3 วัน แต่พ.ค.ยอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเปิดเทอม สินค้าไซด์เล็กตอบรับดี และเดือนมิ.ย. มีสินค้าออกใหม่ 1-2 รายการ ด้านยอดส่งออกทรงตัว YoY และ +3% QoQ (สัดส่วนรายได้ 24%) มาจากประเทศเวียดนามกำลังซื้อหดตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจ แต่ชดเชยกับการเข้าตลาดฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และจีนเพิ่มขึ้น อัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ตามรายได้กลุ่มเครื่องดื่มมียอดขายเพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตราทำกำไรต่ำกว่ากลุ่ม snack ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 15.8% เพิ่มขึ้น YoY แต่ต่ำกว่า QoQ จากทำการตลาดสินค้าใหม่
คงประมาณการเดิม คาดกำไรเติบโต 12% (CAGR3Y)
เราคาดแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง 2H24F จะดีขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรกจากช่วง high season การส่งออกในกลุ่ม snack และมีอัตรามาร์จิ้นที่มากกว่ากลุ่มเครื่องดื่ม เรายังคงประมาณการเดิมปี 2024-25F คาดยอดขายในประเทศเติบโต 7% และ 6% ตามลำดับ และคาดยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 10% และ 9% ตามลำดับ โดยกลุ่ม CLMV ยอดขายเพิ่มจากประเทศเวียดนามเป็นหลักจากการขยายไลน์ผลิตครบแล้ว และฟิลิปปินส์ที่ทำการตลาดเข้ากลุ่ม modern trade เพิ่มขึ้น และมี 2 ตัวแทนจำหน่ายรายใหม่เริ่มมิ.ย.-ก.ค.นี้ (บริษัทตั้งเป้ารายได้ฟิลิปปินส์ปีนี้ 150 ล้านบาท) สำหรับบริษัทร่วมทุนสิริโปรคาดจะเริ่มจุดคุ้มทุนในเดือน ธ.ค.24 โดยในปีนี้มีค่าใช้จ่ายในการปิดศูนย์กระจายสินค้า 3-4 แห่ง คาดอัตราทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการดำเนินไลน์ผลิตในเวียดนามที่มีต้นทุนต่ำกว่าช่วยเพิ่มอัตราทำกำไร และคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นอยู่ที่ปีละ 16% จาก 15.4% จากการทำการตลาดสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 17 บาท อ้างอิง PER24F ของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเฉลี่ย 23X โดย PER24F อยู่ที่ 17X, Div.Yield 24F ที่ 4.2% ปัจจัยเสี่ยง 1) สภาวะเศรษฐกิจ 2) ยอดขายไม่เป็นไปตามคาด