SNNP ส่งซิก Q2 ลุ้นผลงานเติบโตต่อเนื่องเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน ปี 65 รายได้ทะยานแตะ 5,000 ลบ. ทุบสถิติสูงสุดใหม่
บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ส่งสัญญาณแนวโน้มผลงาน Q2/65 มั่นใจยอดขายสินค้าเติบโตต่อเนื่อง ลุ้นผลงานนิวไฮ เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ฟากผู้บริหาร "วิโรจน์ วชิรเดชกุล"พร้อมส่งสินค้าใหม่บุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ รับดีมานด์ผู้บริโภค ดันรายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาท ทุบสถิติสูงสุดใหม่
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันในการขายสินค้าของบริษัทฯ และมีดีมานด์ความต้องการสูงจากกลุ่มผู้บริโภค โดยเฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรด ประกอบกับบริษัทฯมีแผนปรับโฉมสินค้าแบรนด์หลักของบริษัทฯ เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้กับกลุ่มผู้บริโภคครั้งใหญ่เร็วๆนี้ รวมถึงตลาดต่างประเทศที่บริษัทฯขยายช่องทาง และลงทุนสร้างฐานธุรกิจไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเวียดนาม กัมพูชา หรือ ประเทศส่งออกอื่นๆ ก็น่าจะเติบโตได้ดีขึ้นเรื่อยๆทุกไตรมาส คาดว่ายอดขายในปี 2565 จะแตะที่ระดับ 5,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามแผนงานที่วางไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนที่เตรียมออกสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเอาใจผู้บริโภค เพิ่มความหลากหลาย สร้างกระแสความน่าสนใจ และที่ผ่านมา สินค้าใหม่ที่ออกสู่ตลาดไปแล้ว ได้แก่ เจเล่ชิววี่ น้ำกัญชาสกัดเมจิกฟาร์ม ขนมรูปน่องไก่โลตัส ผสมใบกัญชา และขนมรูปน่องไก่โลตัส ผสมเมล็ดกัญชง รวมถึงโลตัสหนังไก่ทอด ช่วยให้ยอดขายในประเทศเติบโต ทำให้ตลาดขนมคบเคี้ยวมีความคึกคัก ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 ล้านบาท หรือ 10.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ปรับปรุงแล้วมีรายได้รวม 1,022 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากธุรกิจหลัก 113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53 ล้านบาท หรือ 89.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจากธุรกิจหลัก ซึ่งไม่รวมกำไรพิเศษ 60 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก บริษัทฯส่งสินค้าใหม่บุกตลาด มียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากสถานการณ์ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 แต่อัตรากำไรขั้นต้นใน Q1/65 ก็ปรับตัวดีขึ้นที่ 27.4% จากปีก่อนหน้า 26.3% จากการควบคุมประสิทธิภาพในการผลิตที่ดี และเน้นการออกสินค้าใหม่ที่ให้คุณค่าแก่ผู้บริโภคที่สูงขึ้น และมีอัตรากำไรที่ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนตลาดต่างประเทศก็ฟื้นตัวดีทุกประเทศ โดยยอดขายในต่างประเทศเติบโต 26.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในภาพรวมของยอดขายของบริษัทฯเติบโต 10.9% เมื่อเทียบกับยอดขายที่ปรับปรุงแล้วในปีก่อนหน้า